วันอังคารที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2560


เพิ่มคำอธิบายภาพ
            ประวัติแมวเปอร์เซียแท้จริงแล้ว  มันเป็นต้นกำเนิดของแมวขนยาวอีกหลายสายพันธุ์ยกเว้นแมวBalinese   ที่เกิดจากการกลายพันธุ์เป็นแมวขนยาวมาจากแมวไทย หรือแมว Somali ที่กลายพันธุ์เป็นแมวขนยาวจากแมว Abyssinian
                    แมวเปอร์เซียรุ่นแรกเกิดขึ้นเมือใดหรือที่ใดไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่อย่างไรก็ตามแมวเปอร์เซียถูกยอมรับว่ามาจากตุรกี อิหร่าน และดินแดนที่ใกล้เคียงประเทศเหล่านี้ ซึ่งมีที่มาตั้งแต่ศตวรรษที่ ๑๖  หรืออาจจะก่อนหน้านี้ แมวขนยาวสายพันธุ์นี้ถูกนำเข้ายุโรปในช่วงเวลานี้นี่เอง แมวเปอร์เซียไม่ใช่แมวป่า แต่ถูกเชื่อว่าพวกมันกลายพันธุ์มาจากแมวขนสั้นที่อยู่ในอียิปต์ด้วยอากาศที่เย็นจัดและเลวร้ายในตุรกี และอิหร่าน จึงทำให้แมวพัฒนาเส้นขนให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศแมวบ้าน (Domestic Cat) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Felis Catus
             ในปัจจุบันแมวเปอร์เซียเป็นแมวที่มีขนยาว มีหลายเฉดสี  หากย้อนกลับไปในอดีตจะทราบว่าแมวเปอร์เซียขนยาวมาจากคาบสมุทรเปอร์เซียและตุรกี ถูกนำเข้าทางยุโรปโดยทางเรือ นักหนังสือพิมพ์ชาวฝรั่งเศสท่านหนึ่ง นามว่า Comte de Buffon เขียนหนังสือ Histoire Naturelle ในปีค.ศ. ๑๗๕๖ ในหนังสือกล่าวว่า ในศตวรรษที่ ๑๖ นักสำรวจชาวอิตาลีชื่อ Pietro della Valla ได้อธิบายว่าแมวเปอร์เซียมาจากเมือง Chorazan ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของอิหร่าน เขาบอกว่ามันเป็นแมวขนยาว สวยสง่า ขนเป็นประกายดุจเส้นไหม โดยเฉพาะหางที่ขนฟูสวยงาม เป็นแมวที่มีขนสีเทามีสีเข้มที่ศรีษะ และเชื่องมากBuffon ยังให้ข้อสังเกตว่ามีแมวสายพันธุ์ที่เหมือนกันนี้ในฝรั่งเศส เรียกว่าแมว Angora 
แมวแองโกร่าในยุคแรก ๆ นั้น มักมีแต่สีขาวเพียงสีเดียว แต่ปัจจุบันแมวแองโกร่ามีหลายเฉดสี  แมวแองโกร่าจัดเป้นแมวสายพันธุ์ดั้งเดิมมีต้นกำเนิดในตุรกี
                          ในช่วงที่ยุคกลางมีความขัดแย้งระหว่างศาสนจักรแมวถูกมองว่าเป็นตัวแทนของความชั่วร้าย ภูตผีปิศาจ ผู้ที่เลี้ยงแมวจะถูกมองว่าเป็นพ่อมด แม่มด แมวถูกฆ่าโดยการโยนลงจากหอคอยสูง ๆ เผาทั้งเป็น แขวนคอ ผู้คนในยุคนั้นปฏิบัติต่อแมวด้วยความโหดร้ายทารุณแต่เมื่อหมดยุคนี้แล้ว แมวได้รับการตอบรับจากมนุษย์ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่ให้ความรักการเลี้ยงดูที่ดี และเริ่มรู้ว่าแมวมีประโยชน์กับมนุษย์ในด้านการกำจัดหนู หรือสัตว์แทะที่คอยทำลายพืชพรรณธัญญาหาร
                         ในช่วงศตวรรษที่ ๑๘ ยังไม่มีการแยกแมวเปอร์เซียและแมวแองโกร่าออกจากกัน ทั้งที่แมว ๒ สายพันธุ์นี้มีลักษณะและโครงสร้างที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นศรีษะ เส้นขน หรือโครงสร้าง ในขณะนั้นยังไม่มีการตั้งชมรม สมาคม หรือแม้แต่การจดพันธุ์ประวัติ (Pedigree) ยังไม่มีการกำหนดมาตรฐานที่แน่นอนและยังไม่มีใครกล้าหาญออกมาทำเช่นนี้ จนกระทั่งในปี ค.ศ.๑๘๗๑ Harrison Weir ได้จัดงานประกวดแมวขึ้นที่ Crystal Palace ในกรุงลอนดอน การจัดประสบผลสำเร็จ ในงานมีแมวเปอร์เซีย แองโกร่า และแมวอัฟริกัน – ฝรั่งเศส ซึ่งในงานนี้ทุกคนที่เข้าร่วมงานได้เห็นถึงความแตกต่างทางโครงสร้างของแมวเปอร์เซีย และแมวแองโกร่าอย่างชัดเจน ทุกคนเห็นชัดแล้วว่า แมวเปอร์เซียมีเส้นขนซึ่งดก แน่นกว่าแมวแองโกร่า ศรีษะใหญ่และกลมกว่า มีเฉดสีทุกเฉดสีไม่ว่าจะเป็นดำ, เทา, ขาว, แดง, ครีม, สโม๊ค, ๒ สีและ ๓ สี จนในปีค.ศ.๑๙๐๑ได้มีการก่อตั้งชมรมแมว (Club) ขึ้นประเทศอังกฤษชื่อชมรม Blue Persian Cat Society In England ต่อมาในยุโรปและอเมริกาได้มีการก่อตั้งชมรมแมวขึ้นด้วย มีการพัฒนารูปแบบและโครงสร้างของแมวเปอร์เซียให้เป็นแบบเฉพาะของสายพันธุ์ใบหน้าซึ่งแบนกว้าง จมูกสั้นแบบสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง ในอเมริกาจะเรียกว่า พีค – เฟส (Peke – Faced Persian) 
ดังนั้นแมวเปอร์เซียในปัจจุบันจะมีลำตัวกลม หนัก โครงสร้างกระดูกใหญ่ อุปนิสัยสุภาพ เรียบร้อย มีเสน่ห์ต้องตาต้องใจ และเป็นแมวที่มีผู้นิยมเลี้ยงกันมาก